วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

ต้นนุ่น ณ วันที่ 25 มกราคม 2555

วันที่ 25 มกราคม 2555 ได้เดินสำรวจต้นนุ่นริมพระตำหนักจิตรลดา พบว่าต้นนุ่นออกฝักมากทุกต้นเลยตามภาพถ่าย

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ต้นนุ่นที่พัทยาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2554

วันที่ 1 ธันวาคม 2554 ได้ไปดูต้นนุ่นที่ถูกตัดเมื่อต้นปี  ปรากฎว่าโต้ขึ้นมากใบเขียวสมบูรณ์โดยอาศัยฐานจากรากของต้นเดิมที่ถูกตัดเมื่อต้นปี 

มาทายดูนะครับว่ามันจะออกดอกมีฝักในปีนี้หรือไม่

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สองต้นนุ่นที่พัทยา



ผมไปทำคดีที่พัทยาเมื่อต้นปี 2554 ผมพบต้นนุ่นสองต้นในเมื่องพัทยาแต่ถูกทำร้ายโดยคนเอาตะปูตอกติดป้ายไว้ผมเลยถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานช่วงนั้นต้นนุ่นทั้งสองออกฝักด้วยแต่ไม่มีการเก็บเพราะไม่มีใครเห็นคุณค่าของปุยนุ่นและไม่มีโรงงานรับซื้อ


                                                                ต้นนุ่นถูกตัดเหลือตอไว้


วันที่ 9 มิถุนายน 2554 ผมผ่านไปพบว่าต้นนุ่นสองต้นถูกตัดไปแล้ว ได้ลงไปสำรวจพื้นที่และถ่ายภาพรวมทั้งพบชาวบ้านสองคนได้คุยกันและถามชาวบ้านว่าตอนนี้อากาศบริเวณบ้านเป็นอย่างไร "ร้อนหรือเปล่า" คำตอบคือร้อนมากๆ เดิมมีต้นนุ่นร่มรื่นมากชอบมานั่งคุยกันใต้ต้นนุ่น ผมบอกเขาไปว่าต้นนุ่นนั้นใบทึบมากร่มเย็นและใบไม่ร่วงจะร่วงเพียงปีละครั้งเมื่อตอนออกฝัก ตอนนี้ก็ร้อนอบอ้าวไปกับลานคอนกรีต



                                                          ยังไม่ยอมตายโว้ย




เดือนตุลา 2554 ไปดูตอต้นนุ่นอีกครั้งพบว่าต้นนุ่นประมาณ 10 ต้นงอกขึ้นจากตอพร้อมที่จะให้ร่มเงาอีกครั้ง    ต้นเดือนธันวาจะแวะไปดูอีกครั้ง

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ต้นนุ่นในตำหนักสวนจิตรลดา

ปัจจุบันมีต้นนุ่นจำนวน 4 ต้นขนาดใหญ่ปลูกในตำหนักสวนจิตรลดา ตามภาพถ่าย







พระราชดำรัสถามว่าเหตุใดจึงโค่นต้นนุ่นเสีย




หากจะย้อนกลับไปค้นหาจุดเริ่มต้นของพระราชกรณียกิจในด้านการพัฒนาแล้ว ชื่อของ “ลุงรวย” และ “บ้านห้วยมงคล” คือสองชื่อที่ลืมไม่ได้

เรื่องราวของ “ลุงรวย” เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2495 หรือมากกว่าห้าสิบปีล่วงมาแล้ว ที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กใน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

บ้านห้วยมงคลนี้อยู่ทั้ง “ใกล้และไกล” ตลาดหัวหิน ใกล้เพราะระยะทางที่ห่างกันนั้นไม่กี่กิโลเมตร แต่ไกลเพราะไม่มีถนน หากชาวบ้านจะขนพืชผักไปขายที่ตลาดต้องใช้เวลาเป็นวันๆ

ห่างไกลความเจริญถึงเพียงนี้ แต่วันหนึ่งกลับมีรถยนต์คันหนึ่งมาตกหล่มอยู่ที่หน้าบ้านลุงรวย เมื่อเห็นทหารตำรวจกว่าสิบนายระดมกำลังกันช่วยรถคันนั้นขึ้นจากหล่ม ลุงรวยผู้รวยน้ำใจสมชื่อก็กุลีกุจอออกไปช่วยทั้งงัด ทั้งดัน ทั้งฉุด จนที่สุดล้อรถก็หลุดจากหล่ม

เมื่อรถขึ้นจากหล่มแล้ว ลุงรวยจึงได้รู้ว่ารถคันที่ตัวทั้งฉุดทั้งดึงนั้นเป็นรถยนต์พระที่นั่งและคนในรถนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชินีนาถ

แม้จะตื่นเต้นตกใจที่ได้เข้าเฝ้าฯ ในหลวงอย่างไม่คาดฝัน แต่ลุงรวยก็จำได้ว่าวันนั้น “ในหลวง” มีรับสั่งถามลุงว่า “หมู่บ้านมีปัญหาอะไรบ้าง”

ลุงได้กราบบังคมทูลว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดคือไม่มีถนน

จึงนอกจากจะโชคดีได้รับพระราชทาน “เงินก้นถุง” จำนวน 36 บาทซึ่งลุงนำไปเก็บใส่หีบบูชาไว้เป็นสิริมงคลจนถึงทุกวันนี้แล้ว

อีกไม่นานหลังจากนั้น ลุงรวยก็ได้เห็นตำรวจพลร่มกลุ่มหนึ่งเข้ามาช่วยกันไถดินที่บ้านห้วยมงคล และเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ชาวบ้านก็ได้ถนนพระราชทาน

ถนนห้วยมงคลที่ทำให้ชาวไร่ห้วยมงคลสามารถขนพืชผักออกมาขายที่ตลาดหัวหินได้ภายในเวลาเพียง 20 นาที


เรื่องนี้ยังมีต่อ

หนึ่งปีต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรหมู่บ้านห้วยมงคลอีกครั้ง ได้เสด็จฯ ยังบ้านชาวไร่ผู้หนึ่ง เมื่อทอดพระเนตรเห็นเขาโค่นต้นนุ่นลงทั้งๆ ที่มันยังให้ผลได้อีก ก็มีพระราชดำรัสถามว่าเหตุใดจึงโค่นต้นนุ่นเสีย

ชาวไร่ผู้นั้นกราบบังคมทูลว่า ไม่ปลูกนุ่นแล้ว จะปลูกข้าวโพดแทน สาเหตุก็เพราะเขาได้เข้าตลาดหัวหินเมื่อสองสามวันก่อน เลยเห็นว่าตอนนี้ข้าวโพดราคาดี

คำตอบของชาวบ้านคนนี้น่าสนใจมาก เพราะแสดงว่าถนนไปหัวหินสายนี้ ไม่เพียงได้ช่วยเชื่อมหมู่บ้านกับตลาดเท่านั้น แต่ยังช่วยเชื่อม “ชาวบ้าน” กับ “การตลาด” อีกด้วย

คัดลอกจาก : อมิตา อริยอัชฌา, ผู้เรียบเรียง. (2549). ครองใจคน. กรุงเทพฯ : คณะบุคคลบลิสสิเนส